Singapore Botanic Gardens
เมื่อคราวที่แล้วที่มาสิงคโปร์ ด้วยเวลาที่มีจำกัด เราเลยไม่ได้ใส่ Singapore Botanic Gardens ไว้ในแผนการเดินทาง แต่ในครั้งนั้นบังเอิญได้มีโอกาสนั่งรถผ่านหน้าสวน เล็กเห็นแล้วชอบมาก (ขนาดว่าเห็นแต่ข้างนอกนะ ^^) จนต้องบอกคุณก๊อกว่า คราวนี้ยังไงก็ต้องขอแวะชมซักหน่อยนะ
เราไม่มีข้อมูลมากนักว่าสวนนี้เป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง เดาเอาจากชื่อก็คิดว่าน่าจะเป็นสวนพฤษศาสตร์ที่มีต้นไม้่เยอะแยะมากมายกระมัง เราเดินทางเข้าสวนทาง Nassim Gate (Evans Rd.) ซึ่งอยู่ตรงกลางสวน (สวนนี้กว้างใหญ่มากค่ะ มีทางเข้าหลายทาง ต้องเลือกเอาซักทาง ^^’) ส่วนแรกที่เราเจอก็จะเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ที่จัดวางได้อย่างสวยงาม ดูช่างรื่นรมย์มากๆ เล็กเข้าไปก็มองหาเคาน์เตอร์ขายตั๋วโดยรอบแต่ไม่เห็น เลยถามจากน้องสาวที่ไปด้วยกันวันนั้น ได้ความว่า สวน Singapore Botanic Gardens เป็นเหมือนสวนสาธารณะของที่นี่ ใครจะเข้ามาเดินเล่น จูงสุนัขมาวิ่ง มาปิคนิค มานอนเอกเขนก ก็ได้ทั้งนั้น สวนเปิดตั้งแต่เช้ามืดปิดเอาเที่ยงคืนเลย >.< ฟังแล้วต้องร้องโอ้โฮออกมาเลยค่ะ เพราะสวนที่เห็นอยู่ตรงหน้ามีการออกแบบและจัดวางอย่างสวยงาม ร่มรื่น สะอาดสะอ้าน มีต้นไม้ใหญ่มากมาย แถมยังกว้างขวางมากๆ คือ…มันช่างต่างกับสวนสาธารณะบ้านเราเหลือเกิน
เดินดูแล้วก็นึกถึงการพัฒนาผังเมืองที่เราได้เห็นที่ City Gallery เมื่อ 2 วันก่อน ประกอบกับประสบการณ์การเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ในทริปนี้ที่เราใช้แท๊กซี่ค่อนข้างบ่อย จึงทำให้มีโอกาสได้เห็นถนนหนทาง ตึกรามบ้านช่อง และทำให้เรารู้สึกทึ่งมากที่ประเทศเล็กๆ ที่มีพื้นที่อย่างจำกัด จะสามารถพัฒนาพื้นที่ทางธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมๆ กับพื้นที่สีเขียวได้อย่างเรียกว่าไม่มีใครน้อยหน้าใครจริงๆ
เนินหญ้าเขียวๆ กว้างไกล เห็นแล้วอดใจไม่ไหวต้องแวะลงไปวิ่งเล่น กลิ้งเกลือก กันซะหน่อย
ความที่สวนนี้กว้างใหญ่ และเรามีเวลาจำกัด เราจึงเลือกเข้าชมสวนกล้วยไม้ (National Orchid Garden) ซึ่งปกติโซนนี้จะต้องเสียค่าเข้าชม แต่ช่วงเวลาที่เราเป็นช่วงที่เป็นวันหยุดของโรงเรียนในสิงคโปร์ เขาจึงเปิดให้เข้าชมฟรี (ดีจังเลยเนอะ ^^) นอกเหนือจากความสวยงามของกล้วยไม้นานาพันธ์ุแล้ว ก็ยังพันธ์ุไม้ใบสวยๆ ให้ดูมากมายตลอดทางที่เดินไป เรียกว่าถ้าค่อยๆ ดูพินิจกันทีละต้น ก็คงต้องใช้เวลาเป็นวันๆ เลยค่ะ จุดที่น้องภูมิและพวกเราชอบมากที่สุด ก็คือ Cool House เรือนกระจกที่ควบคุมความเย็นและความชื้น เพื่อให้เป็นที่จัดแสดงพันธ์ุไม้ที่อยู่บนภูเขา มีทั้งกล้วยไม้ และพืชกินแมลงหลายชนิด อากาศภายในทั้งเย็นและสดชื่นมากๆ ค่ะ เดินเข้าไปแล้วอยากอยู่นานๆ เลย :)
เราแวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหารน่ารักๆ ท่ามกลางสวนสวย อาหารอร่อย บรรยากาศเก๋ไก๋ (ราคาก็เก๋ไก๋ตามบรรยากาศ ^^’) จนลืมไปเลยว่าตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะ ^^
เราเดินกลับออกจากสวน ด้วยเส้นทางที่เลาะไปทางทิศใต้ของสวน ผ่าน Swan Lake ซึ่งมีหงส์จริงๆ เล่นน้ำให้นั่งดูเพลินๆ นอกเหนือจากหงส์แล้ว ในน้ำก็ยังมีปลาตัวโตๆ มากมายหลายชนิดและเต่าให้ดูอีกด้วย น้ำใส เด็กน้อยดูเพลินเลยค่ะ ตลอดเส้นทางที่เราเดินร่มรื่นมากๆ เพราะมีต้นไม้ใหญ่เรียงรายอยู่ตลอดทาง และแม้จะมีคนมาพักผ่อนในสวนเป็นจำนวนมากในวันนี้ (วันอาทิตย์) แต่สวนก็ยังดูโล่ง โปร่ง สบาย เห็นแล้วก็อยากเอาเสื่อมาปูนอนเล่นบ้างจัง :)
เรื่องเล่าปิดท้ายจากทริปนี้ เล็กขอเล่าเรื่องความเป็นเมืองสีเขียวของสิงคโปร์ที่เราได้มีโอกาสสัมผัสนะคะ ทริปนี้เราเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองด้วยแท๊กซี่ (คราวที่แล้วใช้ MRT) จึงได้มีโอกาสเห็นถนนเส้นที่สวยที่สุดเส้นหนึ่งที่พวกเราเคยเห็นมา (ถนนเลียบชายฝั่งด้านตะวันออก – East Coast) ช่างเป็นการต้อนรับเข้าสู่ประเทศที่อบอุ่นและสง่างามมากๆ ถนนที่ว่านี้ไม่ได้มีป้ายหรือซุ้มประตูยินดีต้อนรับเข้าประเทศ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างประดับประดาหรือเสาไฟฟ้าวิจิตรอลังการ มีเพียงต้นไม้สูงใหญ่ยืนเรียงรายตลอด 2 ข้างทาง ระยะทางเกือบ 20 กิโลเมตร ต้นไม้สูงใหญ่รูปร่างสวยงามอายุไม่น่าจะต่ำว่า 30 ปี แผ่กิ่งก้านบานปกคลุมถนน ให้ความร่มรื่น สดชื่นสบายตา ทำเอาเราต้องร้องอู้หูกันไปตลอดทาง สวยจนบรรยายไม่ถูกจริงๆ ค่ะ
จากข้อมูลที่ได้อ่านที่ Singapore City Gallery ทำให้เราทราบว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับต้นไม้มาก ต้นไม้ใหญ่ทุกต้นของสิงค์โปร์จะมีการขึ้นทะเบียน และห้ามตัดโดยไม่ได้รับอนุญาตแม้ว่าจะเป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในที่ดินส่วนบุคคลก็ตาม
เล็กบอกกับลูกว่า “คอยดูนะ เมื่อภูมิโตเป็นหนุ่ม ต้นไม้ก็คงจะโค้งเป็นซุ้มสวยงาม และถนนแบบนี้แหละจะเป็นถนนที่ใครๆ ก็อยากมาเที่ยวชม”
คุณก๊อกเก็บภาพและวีดีโอตอนขากลับมาฝากนะคะ ใครที่จะมาเที่ยวที่สิงคโปร์ เล็กแนะนำว่าควรใช้แท๊กซี่ในเส้นทางที่ไปสนามบิน อย่างน้อยซักครั้ง ขาไปหรือขากลับก็ได้ เพื่อชื่นชมด้วยตาตัวเองดูนะคะ