Fun Fun ฝันๆ ที่ Hong Kong Disneyland (2)

วันที่สองเราเริ่มตอนเช้าด้วยการออกไปเดินเล่นสูดอากาศยามเช้าในบริเวณรอบๆ โรงแรม อากาศตอนเช้าเย็นสบายทีเดียวค่ะ ในโรงแรมมีสระว่ายน้ำด้วย ตอนแรกคิดว่าอากาศเย็นอย่างนี้จะมีคนว่ายน้ำเหรอ ปรากฏว่ามีค่ะ คุณก๊อกคุยกับเจ้าหน้าที่ดูแลสระเลยทราบว่า สระที่นี่เป็นสระว่ายน้ำแบบปรับอุณหภูมิ น้องภูมิลองเอามือจุ่มลงไปทดสอบแล้วบอกว่า ไม่หนาวนะแม่ ขอภูมิว่ายน้ำก่อนได้ไม๊คับ >.<เช้านี้ลุงเด้งพาพวกเราไปทานอาหารเช้ากันที่ห้องอาหาร Enchanted Garden ในโรงแรม Disneyland Hotel โรงแรมนี้การตกแต่งจะเป็นแนวเจ้าหญิง สวยงาม น่ารัก เจ้าหญิงมากๆ ใครที่ชอบถ่ายรูป โพสท่าสวยๆ ในโรงแรมนี้มีมุมสวยๆ เพียบเลยค่ะ อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ นะคะ ^^ ในห้องอาหารก็เช่นเดียวกัน ตกแต่งสวยเนี้ยบมากๆ พูดถึงเรื่องการตกแต่งและการดูแลสถานที่ของที่นี่ เล็กคะแนนเต็ม 10 เลยค่ะ ทุกที่ใน Disneyland ล้วนสะอาดสะอ้าน (ในห้องน้ำที่สวนสนุกอาจจะมีบางจุดที่เลอะเทอะบ้าง แต่ถ้าเทียบกับปริมาณคนที่มาใช้แล้ว ถือว่าดูแลได้ดีมากเลยค่ะ)อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ แต่ไม่ธรรมดาตรงที่จะมีตัวการ์ตูนดังๆ อย่าง มิคกี้เมาส์ มินนี่เมาส์ มาเดินให้เราถ่ายรูปด้วยอย่างใกล้ชิด ครั้งแรกที่มิคกี้เมาส์เข้ามาหยอกล้อกับน้องภูริ น้องภูริหน้าเบ้และเหมือนจะกลัวๆ แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ แต่พอเขามาเล่นด้วยบ่อยๆ ก็เริ่มชอบใจ จำพี่มิคกี้เมาส์ได้เลย ทีนี้เวลาเดินไปทางไหนเจอหูกลมๆ ดำๆ ก็จะชี้ให้แม่ดูและกำมือสองข้างไว้บนหัวเหมือนหูมิคกี้เม้าส์ตลอด ^^น้องภูมิเดินไปขอลายเซ็นพวกตัวการ์ตูน แต่ละคนก็เซ็นเป็นลายเซ็นของตัวการ์ตูนนั้นๆ ซะด้วย ทำเอาเด็กชายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว :D

เสร็จจากอาหารเช้าพวกเราออกมาเดินชมสวนด้านนอกของโรงแรมที่ตกแต่งเป็นเขาวงกต (สวยเนี้ยบมากๆ อีกแล้ว >.<) น้องภูมิวิ่งเข้าไปเล่นในเขาวงกตอย่างสนุกสนาน เด็กๆ จะสนุกมากค่ะ เพราะแนวกั้นจะสูงกว่าตัวพวกเขา ในขณะที่ผู้ใหญ่อย่างเราจะมองเห็นทางได้ไม่ยาก ^^อิ่มท้องแล้วเราก็นั่งรถบัสไปยัง Disneyland Resort น้องภูมิเปิดดูคู่มือและแผนที่ แล้วก็เลือกที่จะไปนั่งเรือ Jungle River Cruise ที่ Adventureland เป็นอย่างแรก เราทั้งหมดจะนั่งเรือล่องผจญภัยไปตามลำน้ำที่เต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับและสัตว์ร้าย ต้องบอกว่ามันสนุกมากอ่ะค่ะ รายละเอียดต่างๆ ทำออกมาได้เหมือนมาก เหมือนเราได้เข้าไปผจญภัยในป่าลึกที่เต็มไปด้วยอันตรายจริงๆ แต่อุ้มลูก 1 ขวบไปด้วยได้ :D

เสร็จจาก Jungle River Cruise เราก็มุ่งหน้าสู่ Toy Story Land ซึ่งเป็นอีกโซนที่เราทึ่งกับการตกแต่งมากๆ เมื่อเราเดินเข้ามาสู่ Toy Story Land เราจะรู้สึกเหมือนว่าถูกย่อส่วนลงให้กลายของเล่นของ Andy ด้วยขนาดของเล่นรอบๆ ตัวที่ใหญ่กว่าเรามาก ^^ ถ้าค่อยๆ ให้เวลาเดินดูของเล่นยักษ์ต่างๆ ที่จัดตกแต่งไว้ ทั้งบล๊อกไม้ สีเทียน ตัวต่อ ฯลฯ แบบตั้งใจดูแล้วเทียบสัดส่วนกับตัวเรามันจะเป็นความรู้สึกที่แปลกแต่น่ารักมากๆ (เล็กมีเวลาเดินดูอย่างละเอียดเพราะเครื่องเล่นที่นี่ น้องภูริเล่นไม่ได้เลย ^^’)ยิ่งเดินดูก็ยิ่งทึ่งกับความเนี้ยบในการดูแลสถานที่ของที่นี่ โซน Toy Story Land เป็นโซนที่ตั้งอยู่กลางแจ้งแต่ของตกแต่งทุกชิ้นสะอาดสะอ้านราวกับวางอยู่ในอาคาร ไม่มีส่วนไหนที่มีคราบน้ำฝน ฝุ่น หรือสีถลอกเลย เล็กดูแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า… เขาทำได้ยังไงอ่ะ >.<น้องภูมิเลือกเล่น Toy Soldier Parachute Drop โดยไม่ลังเล (แม่แค่ยืนมองก็ยังเสียว >.<) เล่นเสร็จแล้วก็ยังอยากจะเล่น RC Racer ที่อยู่ติดๆ กันด้วย แต่ปรากฏว่าน้องภูมิเล่นไม่ได้เพราะส่วนสูงไม่ถึง (ขาดไปแค่ 3 ซ.ม. >.<) น้องภูมิเดินไปอ้อนวอนพี่ Staff ที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าเพื่อขอเล่นเพราะอยากเล่นมาก.ก..ก… แต่ขอยังไงพี่ Staff ก็ยิ้มและบอก No อย่างเดียว เด็กน้อยถึงกับเดินคอตกออกมายืนเกาะรั้วประตูรอดูปาป๊าเล่น ^^’

ปาป๊าบอกว่าเห็นน้องภูมิทำหน้าเศร้ามากตอนส่งปาป๊าไปเล่นคนเดียว พอเล่นเสร็จลงมา ปาป๊าเลยนั่งลงบอกน้องภูมิว่า “If we ever come back to Disneyland again, we will play this together – you and me.” น้องภูมิเลยยิ้มออกได้อีกครั้ง :)

จริงๆ แล้วเล็กกับคุณก๊อกรู้สึกดีมากๆ ที่เจ้าหน้าที่ที่นี่ไม่มีการอะลุ่มอล่วยในเรื่องของคุณสมบัติของผู้เล่น เพราะนั่นทำให้เรารู้สึกว่าเราได้รับการดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างดีมาก แอบคิดในใจว่าไม่ได้เล่นก็ดีแล้วหล่ะตัวเล็กๆ อย่างนี้ แม่กลัวเหวี่ยงๆ เดี๋ยวหนูจะหลุดออกมา :P (เจ้าเครื่องเล่น RC Racer นี่จะมีลักษณะคล้ายเครื่องเล่นเรือไวกิ้งค่ะ เล็กแค่ยืนดูอยู่ข้างล่างยังอยากจะกรี้ดด้วยเลย @_@’)

ระหว่างรอปาป๊าไปเล่น เล็กชวนน้องภูมิเดินเข้าไปดูของเล่นในร้าน Andy’s Toy Box ที่อยู่ติดกัน ทริปนี้น้องภูมิมีเงินติดกระเป๋าอยู่ 280 HK$ เพื่อใช้ซื้อของที่ตัวเองอยากได้ (แม่กับปาป๊าให้ 100 น้องภูมิทำงานสะสมก่อนมาได้อีก 180) น้องภูมิเดินผ่านของเล่นเจ๋งๆ มากมายเมื่อวาน มีหลายชิ้นที่เขาสนใจและอยากจะซื้อทันที แต่เล็กกับคุณก๊อกบอกให้น้องภูมิค่อยๆ ดูไป ชอบชิ้นไหนก็จำเอาไว้ เรายังมีเวลาอีกหนึ่งวัน ดูให้ทั่วๆ ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรีบ


และแล้วน้องภูมิก็เจอของที่ใช่ในร้าน Andy’s Toy Box หมวกอวกาศ Buzz Lightyear น้องภูมิชอบมากๆ และตัดสินใจซื้อ ซื้อแล้วก็ใส่เล่นไปจนถึงวันกลับเลย ใส่เดินไปไหนใครเห็นใครก็ทักทายและเล่นด้วย แม่แอบดูแล้วคิดว่าน้องภูมิคงจะฟินไม่แพ้เด็กผู้หญิงที่ได้ชุดเจ้าหญิงเลยนะนี่ ^^’ตอนแรกคิดว่าเขียนเล่าเรื่องที่ Disneyland ซัก 2 ตอนก็น่าจะหมด แต่เอาเข้าจริงยังมีเครื่องเล่นสนุกๆ ที่ยังไม่ได้เล่าอีกหลายอย่างเลยค่ะ แต่โพสนี้มันชักจะย๊าว..ว.. ยาวแล้ว ขอติดไว้เล่าต่อตอนที่สามแล้วกันนะคะ ^^ โพสหน้าเป็นตอนจบแน่นอนละ อย่าลืมติดตามนะคะ :D

dash

อ่านตอนอื่นในทริปนี้ได้ตามลิงค์ด้านล่างนะคะ

• Fun Fun ฝันๆ ที่ Hong Kong Disneyland (1)
• Fun Fun ฝันๆ ที่ Hong Kong Disneyland (3)

#hkdisneyland #100choicesoffun #thaiairasia #hongkongfanclub

 

Fun Fun ฝันๆ ที่ Hong Kong Disneyland (1)

เมื่อสัปดาห์ก่อนครอบครัวเรามีโอกาสได้เดินทางไป Hong Kong Disneyland ตามคำชวนของลุงเด้ง ป้าไก่ Hong Kong Fan Club เพื่อสัมผัสบรรยากาศคริสตมาสใน Disneyland ที่เริ่มต้นขึ้นแล้วกันมาค่ะDisneyland ยังไม่เคยอยู่ในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของครอบครัวเราเลย เพราะเรามักจะมีเวลาเดินทางท่องเที่ยวกันแค่ระยะสั้นๆ การไปเที่ยวสวนสนุกขนาดใหญ่นั้นต้องใช้เวลาทั้งวันหรือมากกว่าหนึ่งวันจึงจะสามารถเที่ยวเล่นได้ทั่ว น้องภูมิก็เลยยังไม่มีโอกาสได้ไปดิสนีย์แลนด์ พอลุงเด้งมาชวนไปเที่ยวเล่นบ้านคุณมิคกี้เมาส์แบบเต็มๆ 2 วัน 2 คืนอย่างนี้ มีหรือที่น้องภูมิจะปฏิเสธ >.<เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ช.ม. ครึ่งก็ถึงสนามบินฮ่องกง มาถึงอากาศกำลังเย็นสบายเลยค่ะ ประมาณ 24 องศาทริปนี้เราพักที่ Disney’s Hollywood Hotel หลังจากฝากกระเป๋าแล้ว เราก็ไปทานติมซำหน้าตาน่ารักๆ ที่ห้องอาหารจีนชื่อ Crystal Lotus ซึ่งอยู่ในโรงแรม Disneyland Hotel ค่ะอาหารที่นี่หน้าตาน่ารักสุดๆ >.< และอร่อยมากด้วย น้องภูมิชอบซาลาเปาหน้าการ์ตูนมากๆ หลังจากจัดการของตัวเองหมดแล้วก็มาหยิบเอาของปาป๊าไปกินอีก ^^ จานที่เล็กกับคุณก๊อกชอบมากชื่อว่า Wok-fried Shrimps and Disney Root Vegetables น่ารักเก๋ไก๋ตรงที่ผักต่างๆ ในจานจะตัดมาเป็นรูปมือมิคกี้ คลุกเคล้ามากับเนื้อกุ้งกรอบเด้ง รองเผือกทอดกรุบกรอบไว้ด้านล่าง เวลาตักทานจะรู้สึกว่าทั้งหมดนี่รสชาติมันช่างเข้ากันสุดๆ ^^ อีกจานนึงที่ชอบก็คือ Double-boiled Conpoy and Sea Whelk Broth เป็นหัวไชเท้าสอดใส้หอยเชลล์ตุ๋น ซึ่งทำมาออกมาเป็นหน้ามิคกี้เมาส์ ใส่เป๋าฮื้อด้วยรสชาติกลมกล่อมมากๆ เขียนถึงตรงนี้ยังนึกถึงรสชาติได้อยู่เลยค่ะ :Dเสร็จจากอาหารกลางวัน เรานั่งรถบัสจาก Disneyland Hotel มุ่งหน้าสู่ Disneyland Resort (ที่นี่จะมีรถบัสบริการฟรี วิ่งวนเพื่อรับส่ง 3 จุด คือ Disney’s Hollywood Hotel – Disneyland Hotel – Disneyland Resort ระยะห่างของแต่ละจุดประมาณ 5 นาที และรถบัสจอดรับทุกๆ 15-20 นาทีค่ะ)

พอเรามาถึง Disneyland Resort น้องภูมิดูสดชื่น ตื่นเต้นกว่าใคร เพราะนี่เป็นการมาเที่ยวดิสนีย์แลนด์ครั้งแรก ก่อนมาปาป๊าให้ข้อมูลน้องภูมิเพียงแค่ว่า “You’re gonna have fun like crazy!” :D พอเดินเข้าไปถึงด้านใน ก็ใกล้กับเวลาที่จะมีการแสดง Fantasy Parade เราจึงเตร็ดเตร่อยู่ที่ถนนสายหลัก (Main Street USA) เพื่อรอชมขบวนพาเหรดกันการแสดงทุกชุดในขบวนพาเหรดสวยงามและน่าประทับใจมากๆ ทั้งรายละเอียดของการตกแต่งขบวนรถ ชุดนักแสดงเสื้อผ้า หน้า ผม รอยยิ้ม และลีลาท่าทางของตัวการ์ตูนต่างๆเล็กคิดว่าเด็กๆ หลายคนที่ได้ดูอาจจะเชื่อจริงๆ ว่าเขาได้เห็นตัวการ์ตูนในดวงใจแบบตัวเป็นๆ เลยทีเดียว ที่เล็กชอบมาก..ก..ก.. ที่สุดคือเจ้าหุ่นทหารพลาสติกในการ์ตูนเรื่อง Toy Story ที่ทั้งชุดและท่าทางการแสดงเหมือนในการ์ตูนมากๆ เลยค่ะ ชอบๆ ^^จากถนนสายหลัก เราเดินตรงเข้าสู่ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา (ตามคู่มือเขียนว่าอย่างนั้น แต่สำหรับน้องภูมิ มันคือโลโก้ปราสาท Disneyland แบบที่เห็นใน DVD ก่อนดูการ์ตูน ^^ เหมือนเปี้ยบ)เมื่อเดินผ่านปราสาทเข้ามาก็จะพบกับ Fantasyland ซึ่งจะเป็นโซนที่หวานๆ น่ารักๆ เครื่องเล่นไม่หวือหวาเหมาะกับเด็กเล็กๆ เราเลือกเล่นช้างบิน Dumbo เป็นอันแรกเพราะคิวไม่ยาวมากนักและน้องภูริเล่นด้วยได้ :Dวันนี้เรายังไม่ได้เล่นอะไรมากนักใน Fantasyland เพราะน้องภูมิอยากจะไปที่ Tomorrowland มากกว่า (ตรงนี้คงไม่ค่อยน่าสนใจมากนักสำหรับเด็กผู้ชาย ^^’) ก่อนออกจาก Fantasyland เราแวะทานขนมเติมพลังกันที่ Royal Banquet Hall ได้ทานขนมหน้าตาน่ารักกันอีกแล้ว คราวนี้เป็นเค้กราชินีเอลซ่า เจ้าหญิงอันนาและโอลาฟ ^^เข้าสู่ Tomorrowland น้องภูมิก็วิ่งปรู้ด..ด.. ไปที่เจ้า Space Mountain ทันที เพราะเป็นเครื่องเล่นหนึ่งที่น้องภูมิอ่านในคู่มือแล้วอยากเล่นมากๆ ลักษณะจะเป็นรถไฟเหาะในร่มสุดไฮเทค เหมือนกับว่าเราขับยานพุ่งทะยานไปในอวกาศ น้องภูริไม่สามารถเล่น Space Mountain ได้ เล็กก็เลยให้สองพ่อลูกเขาเข้าไปเล่นกัน ส่วนเล็กกับน้องภูริเดินเล่นรออยู่ข้างนอก

น้องภูมิออกมาจาก Space Mountain ด้วยสีหน้าฟินสุดๆ ร้องตะโกนบอกแม่ว่าภูมิอยากเล่นอีกๆ คุณก๊อกก็เลยอาสาอยู่กับน้องภูริให้เล็กเข้าไปเล่นบ้าง ตอนที่เล็กเข้าไปก็คิดว่ามันคงไม่ได้หวือหวาอะไรมาก เพราะน้องภูมิเล่นได้ (และยังอยากเล่นอีก) แต่พอได้เข้าไปเล่นเองแล้วต้องบอกว่ามันหวาดเสียวมากทีเดียวค่ะ กรี้ดจนเจ็บคอ ลงมาแข้งขาอ่อนเลย ในขณะที่น้องภูมิหัวเราะร่าบอกภูมิชอบมาก อยากเล่นอีก >.< (ฟังแล้วแอบคิดในใจว่า ลูกชายคงจะเป็นเด็กโตแล้ว ในขณะที่เราคงจะเริ่มแก่แล้ว >.<)จากตรงนี้น้องภูมิดูแผนที่และวิ่งนำหน้าไปต่อกันที่ Autopia ซึ่งเป็นรถให้ผู้เล่นขับกินลมชมวิวไปตามไฮเวย์แห่งอนาคต โดยผู้เล่นจะต้องมีส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 81 ซ.ม. (น้องภูริอดเล่นอีกแว้ว..ว.. >.<) และแม้ว่าเจ้าเครื่องเล่นนี้ไม่ได้หวาดเสียวอะไร แต่เล็กก็ไม่ได้เล่นเพราะคิวค่อนข้างยาว ใครจะมาเที่ยวอยากให้ดูแผนที่และวางแผนไว้ในใจด้วยนะคะว่าอยากเล่นเครื่องเล่นไหนบ้าง ถ้าอันที่อยากเล่นคิวยาว จะได้มีตัวเลือกไปเล่นอื่นที่ใกล้ๆ ก่อน เครื่องเล่นบางชนิดที่นี่จะบริการ Fast Pass เพื่อให้เราไปเล่นเครื่องเล่นอื่นก่อนและสามารถกลับมาเล่นได้เครื่องเล่นได้ใหม่ตามเวลาที่ระบุบนบัตร โดยที่เราไม่ต้องยืนเข้าคิวรอ อ่านรายละเอียดได้ที่คู่มือตรงทางเข้าเลยค่ะ

ระหว่างรอสองพ่อลูกไปขับรถเล่น เล็กเห็นว่าเครื่องเล่น Orbitron ที่อยู่ใกล้ๆ กันไม่มีคิว ก็เลยพาน้องภูริไปนั่งเล่นพลางๆ เจ้า Orbitron นี่เป็นเครื่องเล่นที่คล้ายๆ กับช้างบิน Dumbo ที่เราเพิ่งเล่นไปอ่ะค่ะ ต่างกันที่การตกแต่งจะเป็นรูปแบบยานอวกาศ และนั่งได้ลำละ 4 คน เหมาะสำหรับเด็กเล็กๆ เพราะไม่หวือหวาตื่นเต้นมาก :D

ก่อนไปรอดูขบวนพาเหรด Disney Paint The Night เราพากันไปเล่น Buzz Lightyear Astro Blasters เป็นเครื่องเล่นสุดท้าย ซึ่งจะเป็นการสมมุติว่าเราเป็นเหล่า Space Ranger ที่ไปช่วย Buzz Lightyear ต่อสู้กับตัวร้าย Zurg เราจะนั่งไปในยานอวกาศและมีปืนเลเซอร์ให้ยิง ถ้ายิงโดนเป้าตัว ‘Z’ ที่กระจายติดไว้ตลอดเส้นทางก็จะมีคะแนนขึ้นที่หน้าปัดของเรา น้องภูมิสนุกสุดๆ เล่นแล้วเล่นอีก พอดีเป็นช่วงหัวค่ำคนไม่เยอะมาก เลยจัดไปแบบบเต็มอิ่ม 3 รอบ ^^ ปิดท้ายคืนนี้ด้วยขบวนพาเหรด Disney Paint The Night ที่งดงาม อลังการไม่แพ้พาเหรดเมื่อตอนบ่ายเลยค่ะ นักแสดงและขบวนรถถูประดับประดาไปด้วยไฟสีสันสดใส และมีลูกเล่นการเปลี่ยนสีของไฟที่แปลกตามากๆ คือ ผู้ชมคนไหนที่มี Paint brush ของเล่น (หาซื้อได้ในนั้นอ่ะค่ะ) ก็สามารถเอามาเล่นกับนักแสดงได้ คือเมื่อเอา Paint brush ไปแตะที่ตัวนักแสดง สีของไฟที่ตัวนักแสดงก็จะเปลี่ยนไป ไฮเทคสุดๆ >.< อากาศก็กำลังเย็นสบาย นั่งดูไปได้เพลินๆ เลยค่ะ

สำหรับครอบครัวที่จะพาเจ้าตัวเล็กขนาดน้องภูริไปเที่ยวด้วย อย่าลืมพกเสื้อหนาวหรือเสื้อแขนยาวเผื่อไปด้วยนะคะ ช่วงนี้อากาศเย็นสบายสำหรับเรา แต่อาจจะเย็นไปนิดนึงสำหรับเด็กเล็กๆ

เราอยู่ใน Disneyland Resort เที่ยวเล่นสนุกจนลืมเหนื่อย แต่ตอนเดินกลับมารอขึ้นรถบัสกลับโรงแรมนี่แทบจะหมดแรง >.<  จุดที่จอดรถกับประตูเข้าออก Disneyland Resort ไกลกันพอสมควรเลยค่ะ (เก็บแรงไว้เผื่อตอนเดินกลับออกมาด้วยนะคะ >.<) วันนี้ใช้พลังกันไปมากพอกลับถึงโรงแรม ทานอาหารค่ำ อาบน้ำเสร็จ เด็กๆ ก็สลบกันหมด ^^’พรุ่งนี้เราจะมีเวลาค่อนข้างเต็มวัน มีเครื่องเล่นสนุกๆ สำหรับวันที่สองอีกเพียบ รอตามอ่านตอนที่สองนะคะ :D

dash

อ่านตอนอื่นในทริปนี้ได้ตามลิงค์ด้านล่างนะคะ

Fun Fun ฝันๆ ที่ Hong Kong Disneyland (2)
Fun Fun ฝันๆ ที่ Hong Kong Disneyland (3)

#hkdisneyland #100choicesoffun #thaiairasia #hongkongfanclub

เครื่องคิดเงินรุ่นคำนวณเอง (อยู่ดี)

สัปดาห์ก่อน น้องภูมิมุดเข้าไปเล่นให้ห้องเก็บของ เอาที่รองรีดผ้ามากางเป็นเคาน์เตอร์ เอาของเล่นมาวางๆ แล้วก็เล่นเป็นร้านขายขนม เล็กก็เล่นไปกับเขา จากร้านปุปะง่ายๆ ก็เริ่มมีชื่อร้าน มีชุดพนักงาน มีอุปกรณ์อื่นๆ ในร้าน น้องภูมิวาดป้ายร้าน เขียนเมนู และก็ทำเงินกระดาษขึ้นมา เพื่อใช้เล่นซื้อขายจริงๆ เล็กก็เลยคิดว่าร้านนี้น่าจะต้องการเครื่องคิดเงินแบบแคชเชียร์บ้างแล้วหล่ะ (เพื่อเพิ่มความสนุกให้คนขาย ^^)

พอเล็กถามน้องภูมิว่าต้องการเครื่องคิดเงินของแคชเชียร์แบบที่ในร้านขายของเขามีไม๊ น้องภูมิได้ยินก็กระโดดตัวลอย ส่งเสียงบอกเอาคร้าบ..บ… ^^

ปลุกปล้ำกันอยู่พักใหญ่เราก็ได้เครื่องคิดเงินหน้าตาอย่างนี้ค่ะ (จริงๆ ทำไม่ยากเลย ที่ยากคือต้องทำแบบมีน้องภูริอยู่นุงนังนัวเนียด้วยนี่อ่ะสิ >.<)

cash_reg_01

วัสดุหลักๆ ที่เราใช้วันนี้มีเพียง กล่องรองเท้า (แบบฝาติดกับตัวกล่อง) กล่องซีเรียลและก็กาวcash_reg_02

เราเริ่มจากการหารูปแบบเครื่องคิดเงินจริงๆ ว่าต้องมีอะไรบ้าง จากนั้นก็ออกแบบว่าของเราจะมีอะไร ตรงไหน อย่างไร จากนั้นก็ลงมือทำ 

เล็กเจาะช่องด้านข้างกล่องเพื่อทำเป็นลิ้นชักใส่เงิน (กระดาษที่เจาะเก็บไว้ปิดหน้าลิ้นชักเพื่อความสวยงาม) และใช้กล่องกระดาษซีเรียลมาตัดทำเป็นตัวลิ้นชักค่ะcash_reg_04

ด้านในลิ้นชัก เราทำเป็นที่เก็บเงิน โดยตัดกระดาษแข็งมาติดเป็นที่กั้นแบ่งเป็นช่องๆ เพื่อแยกเก็บแบงค์กระดาษ (ตามจำนวนเงิน)cash_reg_05

น้องภูมิอยากให้มีก้านที่กดแบงค์เหมือนที่เขาเคยเห็นเครื่องคิดเงินของจริงที่ซุปเปอร์มาเก็ต เล็กก็เลยตัดกระดาษแข็งกว้างประมาณ 1 ซ.ม. ยาวประมาณ 15 ซ.ม. พับปลายด้านหนึ่งขนาดประมาณ 1 ซ.ม. พับ 3 ทบ แล้วทากาวติดให้เป็นรูปสามเหลี่ยม (ตามภาพด้านล่าง) พับปลายอีกด้านหนึ่งขนาดประมาณ 1 ซ.ม. เพื่อเป็นส่วนที่ทากาวติดกับกล่องcash_reg_06

ลิ้นชักด้านในสุดเล็กติดกระดาษแข็งเพื่อรั้งตัวลิ้นชัก (A) ไว้ไม่ให้หลุดออกมาเวลาที่ดึงเล่น และด้านในก็ตัดกระดาษแข็งมาติดไว้เป็นตัวหยุด (B) ไม่ให้ลิ้นชักผลุบเข้าไปเวลาที่ดันกลับcash_reg_07

ส่วนฝากล่องเล็กยกให้เอียงลาด ด้วยการติดกระดาษอย่างนี้ค่ะcash_reg_03

ระหว่างที่เล็กประกอบส่วนหลักๆ น้องภูมิก็จะช่วยประกอบส่วนย่อยๆ และทำหน้าปัดปุ่มเครื่องคิดเงิน (ช่วยแม่ทำได้แล้ว :D)cash_reg_08

น้องภูมิอยากให้มีช่องที่สลิปใบเสร็จออกมาด้วย เล็กเลยเจาะช่องเล็กๆ ด้านบนผากล่อง แล้วลองหาดูว่าจะใช้อะไรมาเป็นตัวตัดกระดาษได้บ้างที่ใช้เล่นได้และจะไม่บาดมือหนุ่มน้อย รื้อไปรื้อมาก็ได้แผงฟันแหลมๆ ของกล่องกระดาษฟอยด์ (ใช้ได้ดีกับกระดาษบางๆ นะคะ)cash_reg_09

ส่วนกระดาษสลิป เล็กตัดกระดาษนิตยสารให้น้องภูมิเอามาต่อให้ยาวๆ แล้วม้วนติดกับหลอดกาแฟ จากนั้นใช้ตะเกียบไม้สอดเข้าไปในหลอดกาแฟแล้วนำไปเกี่ยวกับเชือกที่ติดไว้ในกล่องcash_reg_10

สอดกระดาษลอดตามช่องที่เจาะไว้ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จค่ะ :Dcash_reg_11

แม่แถมที่ยิงบาร์โค้ดให้ด้วย พอดีที่บ้านมีแท่งกระดาษ (กันกระแทก) อยู่หนึ่งอัน  ^^cash_reg_12

เจ้าเครื่องคิดเงินนี้ช่วยให้เราเล่นกับร้านขายขนมของภูมิได้สนุกมากขึ้นจริงๆ ค่ะ แม้ว่าการคิดเงิน บวก ลบ ราคาของและจำนวนเงินที่ต้องทอนลูกค้า น้องภูมิก็ยังคงต้องใช้กระดาษทดเลขอยู่เหมือนเดิม ^^ แต่มันช่วยให้ร้านของเขามีอะไรๆ ให้เล่นออกท่าออกทางมากขึ้น แถมยังเป็นของเล่นที่เขาทำมันขึ้นมาได้เอง (กับแม่) น้องภูมิก็ดูจะมีความสุขและภูมิใจอยู่ไม่น้อยทีเดียวcash_reg_13

เช้าวันรุ่งขึ้นน้องภูมิถึงกับบอกว่า อยากจะเก็บร้านของเขาไว้ตลอดไป (ซอกในห้องเก็บของที่เขาใช้ทำเป็นร้านอยู่หน่ะค่ะ) งานนี้ท่าทางเราคงจะโดนยึดพื้นที่ยาว :D

dash* ร้านของน้องภูมิชื่อว่า “777” (มีที่มาจากถุงกระดาษร้าน TinTin Shop ที่เราเอามาทำเป็นถุงใส่ขนมตอนที่เริ่มเล่นกัน)

* ของที่ขายในร้านก็จะมีตั้งแต่ขนม เครื่องดื่มและอาหารเบาๆ มีทั้งแบบนั่งทานที่ร้านและส่งถึงบ้านด้วย ^^

* ที่ร้านจะมีหนังสือเอาไว้ให้เด็กๆ (​น้องภูริ) ด้วยค่ะ “เด็กๆ จะได้ไม่ยุ่ง” เจ้าของร้านเขาบอกว่าอย่างงั้น >.<

* ลูกค้าจะได้รับบัตรสะสมแต้ม (ขนาดหย่าย..ย..มาก..ก..) เพื่อใช้สะสมทุกครั้งที่มาซื้อของที่ร้าน :D

* มีเมนูพิเศษเฉพาะวัน และโปรโมชั่น เช่น ซื้อ 1 แถม 1, ซื้อ 2 แถม 3 ^^’dash

cash_reg_14

The Art of Architecture

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เรามีโอกาสแวะไปดูนิทรรศการ The Art of Architecture ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)กันมาครับ น่าตื่นตาตื่นใจมากจนอยากมาชวนให้ไปดูกัน

นิทรรศการนี้จัดแสดงถึงวันที่ 29 มิถุนายน นี้นะครับ140425_art-architecture-01140425_art-architecture-02140425_art-architecture-03

นิทรรศการ The Art of Architecture (ฟอสเตอร์แอนด์พาร์ทเนอร์: ศิลปะแห่งสถาปัตยกรรม) นี้ เป็นการแสดงผลงานการออกแบบสถาปัตยกรรมหลากหลายประเภทของบริษัทฟอสเตอร์แอนด์พาร์ทเนอร์ (Foster + Partners) ครับ ตั้งแต่สนามบิน ตึกระฟ้า เมือง สะพาน สถานีรถไฟใต้ดิน รวมไปถึง ‘ท่าอวกาศยาน’ แห่งแรกของโลก

เชื่อว่าหลายโครงการในงานน่าจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างไม่มากก็น้อยครับ 140425_art-architecture-05140425_art-architecture-06140425_art-architecture-08140425_art-architecture-07

สำหรับใครที่ชอบดูโมเดลสวยๆ เก็บรายละเอียดเนี๊ยบกริ๊บ ดูเพลินแน่ๆ ครับ ถ้ามีเวลาละเลียดอ่านข้อมูล ค่อยๆ ดูรายละเอียดไปเรื่อยๆ เวลาหลายชั่วโมงสามารถหายไปได้อย่างรวดเร็วเลยครับ

สำหรับครอบครัวเรา การไปเดินนิทรรศการแบบนี้กับเด็ก 2 คน ต้องทำเวลาน่าดู ไม่สามารถอ่านและดูทุกอย่างได้อย่างที่อยากทำ ตั้งใจว่าจะหาโอกาสกลับไปเดินเก็บรายละเอียดอีกแน่นอนครับ :)

ระหว่างเดินดู จะมีแต่คนถ่ายรูปโมเดลสวยๆ เหล่านี้เต็มไปหมด20140426-IMG_5798140425_art-architecture-1120140426-IMG_585320140426-IMG_5850 20140426-IMG_5866140425_art-architecture-09

ในงานจะมีเจ้าหน้าที่พาชมและอธิบายข้อมูลเพิ่มเติมของโครงการที่น่าสนใจเป็นรอบๆ นะครับ ถ้าไปได้ในช่วงนั้น ก็จะได้ฟังแนวคิด รายละเอียดสำคัญๆ ได้รู้ที่มาที่ไปของสิ่งที่เห็น ฟังเพลินเลยครับ รายละเอียดการนำชมนิทรรศการอยู่ด้านล่างนี้นะครับ

ทุกวันอังคารและพฤหัสบดี เวลา 16.00 น.
ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 11.00 น. และ 14.00 น.

140425_art-architecture-10

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.artofarchitecture.org นะครับ