ไปญี่ปุ่นกันมั๊ย.ย.. はい! (ตอนที่ 7)

หนาวๆ ฝันๆ ที่ Rokkō-san ♫♪

วันสุดท้ายในญี่ปุ่นของเรา เราอยู่ที่โกเบกันค่ะ โกเบเป็นเมืองเล็กๆ ที่ท่องเที่ยวที่เราวางแผนว่าจะไปเราก็สามารถไปได้ครบตั้งแต่วันแรกที่มาถึง ทั้ง Tetsujin 28 Monument, ย่าน Sannomiya, และอ่าวโกเบ เช้าวันนี้เล็กกับคุณก๊อกเลยตื่นขึ้นมาแบบไม่มีแผนเลยว่าจะไปไหนดี น้องอันกับคุณแม่และน้องแอนนั่งรถไฟไปเที่ยวโอซาก้ากัน แต่เราเพิ่งไปโอซาก้าเมื่อ 2 วันก่อน เลยคิดว่าจะอยู่เดินโต๋ๆ เต๋ๆ ที่โกเบดีกว่า

เล็กเคยอ่านเจอข้อมูลจากที่เมืองไทยว่า ที่โกเบมีพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีอยู่บนภูเขา จำได้แค่นี้เลยค่ะ (ชื่อก็จำไม่ได้, พิกัดก็ไม่รู้ *.*) วันแรกที่เรามาถึงโกเบ เล็กก็พยายามถามคนที่นี่ว่าพอจะรู้ไม๊ว่าพิพิธภัณฑ์ประมาณนี้อยู่ที่ไหน แต่ถามใครก็ไม่มีใครรู้จัก (แถมคนที่โกเบที่เราเจอส่วนใหญ่ก็พูดภาษาอังกฤษกันไม่ค่อยได้ซะด้วย) คุณก๊อกหาดูใน Lonely Planet ที่พกไปด้วยก็ไม่มีข้อมูล, พลิกดูในแผ่นพับข้อมูลท่องเที่ยวทุกแผ่นที่มีก็ไม่พบ, จะหาข้อมูลเพิ่มเติม sim internet ที่พี่ตุ่มให้มาก็ใช้หมดแล้ว, ที่โรงแรมก็ไม่มี wifi, คอมพิวเตอร์หยอดเหรียญก็เป็นภาษาญี่ปุ่น -_-’

วันสุดท้ายของเราก็เลยดูเหมือนเราจะไม่มี plan อะไร จนกระทั่งเล็กหยิบคู่มือบัตรโดยสารรถ Kanzai Thru Pass ขึ้นมาพลิกๆ ดูสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองโกเบ ก็ไปเจอกรอบเล็กๆ (ไม่มีรูปด้วย) เขียนว่า Rokko Orgel Museum อ่านคำอธิบายสั้นๆ แล้ว..ใช่เลย…ต้องเป็นที่นี่แน่ๆ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี!

ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดเราก็รู้แล้วว่าจะไปไหนดี ^^

เราต้องขึ้นรถไฟ ไปต่อรถเมล์ขึ้นไปบนเชิงเขา จากนั้นก็ขึ้น Cable car ขึ้นไปบนภูเขา Rokko และต่อรถเมล์อีกครั้งเพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 45 นาที เป็น 45 นาทีที่เราต้องปรับตัวจากอุณหภูมิประมาณ 22 องศาลงมาเป็น 8 องศา แบบไม่ได้ทำใจมาก่อนเลย… +.+’

Cable Car ที่นี่ สวยคลาสสิคมากๆ เลยค่ะ ในขบวนจะมีทั้งแบบตู้กระจก และตู้แบบ Open air รอบที่เรานั่งขึ้นไปมีผู้โดยสารรวมเราแล้ว แค่ 5 คนเท่านั้น >.< บรรยากาศ 2 ข้างทางเป็นป่าสน ต้นไม้-ดอกไม้ บนภูเขาสวยสดชื่นมากๆ ค่ะ ยิ่งรถพาเราสูงขึ้นเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งเย็นมากขึ้น มากขึ้น เท่านั้น หมอกเริ่มขาวโพลนจนมองแทบไม่เห็นอะไร เมื่อถึงสถานีปลายทางปุ๊บ เราก็ต้องรีบเอาเครื่องกันหนาวทุกอย่างเท่าที่มีในกระเป่าออกมาใส่ทันที ไม่ได้คิดว่าจะขึ้นมาเจอหนาวอย่างนี้จริงๆ ค่ะ เพราะข้างล่างในตัวเมืองไม่ค่อยหนาวแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่แจ๊คเก็ตและถุงมือของน้องภูมิยังอยู่ในเป้ของเขา 

เราเข้าไปหลบหนาว ตั้งหลักกันในสถานีเพื่อรอต่อรถเมล์ไปยังพิพิธภัณฑ์ สถานีรถ Cable Car ข้างบนนี้มีเสน่ห์มากๆ ค่ะ เป็นสถานีเล็กๆ เก่าๆ ตกแต่งแบบคลาสสิค มีคนประปราย ข้างนอกหมอกลงจัดเหมือนเมืองในฝัน ภายในสถานีจะได้ยินเสียงเพลงกล่องดนตรีเบาๆ โรแมนติกสุดๆ …เราคงใกล้ถึงพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีแล้วสิเนี่ย ^^

และขณะที่กำลังเดินดูกันอยู่ เราก็ได้ยินเสียงเพลงกล่องดนตรีบรรเลงเป็นเพลง Tonari No Totoro!!!! น้องภูมิรีบวิ่งมาหาเล็กแล้วบอกเล็ก “แม่คับ..เพลงโตโตโร่” เล็กเลยบอกน้องภูมิว่าสงสัยโตโตโร่มารับเรา :D

เรานั่งรถบัสไปอีกประมาณไม่ถึง 10 นาที ก็ถึง Rokko International Musical Box Museum พอลงจากรถได้เล็กก็เพ้อเลยค่ะ หนาวมาก.ก.ก. สวยมากก..ก… อาคารพิพิธภัณฑ์เหมือนบ้านไม้หลังใหญ่ในนิทาน บริเวณโดยรอบมีต้นไม้ ดอกไม้ ลำธาร และตอนนี้ทุกอย่างขาวโพลนไปด้วยหมอก เป็นที่ที่สวยและน่าประทับใจที่สุดในทริปนี้เลยค่ะ (นึกถึงทีไรก็มีความสุข ^^)

หลังจากซื้อตั๋วเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้เราไปชมคอนเสิร์ตกล่องดนตรีก่อนเลย เพราะใกล้จะถึงเวลาแสดงแล้ว พอเข้าไปในห้องแสดงก็ถึงกับอึ้งค่ะ มีผู้ชมที่นั่งรอชมการแสดงอยู่ประมาณกว่า 70 คน ที่อึ้งเพราะตั้งแต่เรานั่ง Cable Car และต่อรถเมล์มาถึงที่นี่ เราเจอคนอยู่ไม่ถึง 10 คน ตอนแรกนึกสงสัยว่าเขามากันยังไงนะนี่นะ แต่พอนึกๆ ดูแล้ว ก็จำได้ว่าตรงลานกว้างทางเข้าพิพิธภัณฑ์มีรถจอดอยู่เต็มลาน อ่อ…เขาคงขับรถกันมา นักท่องเที่ยวที่เราเจอที่นี่เป็นชาวญี่ปุ่นทั้งหมด ไม่มีชาวต่างชาติเลยค่ะคอนเสิร์ตกล่องดนตรี ก็คือการแสดงความสามารถของกล่องดนตรีที่อลังการงานสร้างมากๆ หน่ะค่ะ บางตัวใหญ่เท่าตู้เสื้อผ้า ภายในบรรจุไวโอลิน 4-5 ตัว พร้อมบรรเลงบทเพลงคลาสสิคเมื่อไขลาน บางตัวไม่ใหญ่มากแต่มีความสามารถที่ซับซ้อน น่าทึ่ง แต่ละกล่องล้วนน่าตื่นตาตื่นใจ แม้แต่น้องภูมิยังตั้งใจดูจนจบการแสดงเลยค่ะ ทั้งๆ ที่เราฟังเจ้าหน้าที่บรรยายไม่รู้เรื่องเลยซักคำ (ระหว่างแสดงคอนเสิร์ตไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพ หรือวีดีโอ เลยไม่มีภาพการแสดงมาฝากนะคะ)

เสร็จจากคอนเสิร์ตท้องก็เริ่มร้องเพราะใกล้เที่ยงแล้ว เล็กถามเจ้าหน้าที่ถึงร้านอาหารเธอก็ชี้ไปที่คาเฟ่ของพิพิธภัณฑ์ ดูจากภายนอกแล้วก็แอบหวั่นใจ เพราะเป็นคาเฟ่ที่ดูเก๋ไก๋ หะรูหะราใช้ได้เลย ตังค์จะพอไม๊เนี่ยเรา >.< วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา เงินสดที่เหลือในกระเป๋าก็มีไม่มากแล้ว (ที่ญี่ปุ่นร้านอาหารส่วนใหญ่ไม่รับบัตรเครดิตค่ะ) แต่ก็คิดว่ายังไงก็คงต้องทานล่ะ เพราะถ้าไม่ทานที่นี่ก็ไม่รู้จะออกไปทานที่ไหน (ข้างนอกเห็นมีแต่ป่าสน >.<)

แต่พอเราเปิดเมนูอาหารเท่านั้นแหละค่ะ ก็ต้องหลงรักที่นี่มากเข้าไปอีก ราคาอาหารไม่ต่างจากราคาอาหารข้างนอกเลย แถมรสชาติและบริการก็ดีมากๆๆๆ สถานที่ท่องเที่ยวประเภทพิพิธภัณฑ์ที่ญี่ปุ่นที่เรามีโอกาสได้ไปจะเป็นอย่างนี้แทบทั้งหมดเลยค่ะ เขาจะไม่ฉวยโอกาสด้วยการตั้งราคาแพงๆ เลย  (นึกถึงว่าถ้าเป็นเมืองไทยนะ…เราต้องโดนโขกแน่ๆ =.=’)

หลังจากอิ่มแล้ว เราก็เดินชมสารพัดกล่องดนตรีที่ชั้น 2 และชั้น 3 ที่น้องภูมิดูจะชอบใจมากที่สุด ก็คือเจ้าตัวนี้ค่ะ ที่สามารถบรรเลงเพลงไปพร้อมกับพ่นฟองสบู่ฟุ้งๆ ฝันๆ อย่างนี้ไปด้วย เพลินมากๆ ค่ะ ^^ ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีกล่องเพลงโบราณที่น่าสนใจอีกมากมาย รายละเอียดลองหาอ่านจาก google นะคะ (รู้สึกว่าโพสนี้เล็กจะเขียนยาวมากแล้ว :P)

เดินชมครบแล้ว เขาคงรู้ว่าใครได้มาเที่ยวที่นี่ก็คงจะอยากได้กล่องเพลงน่ารักๆ กลับไปเป็นที่ระลึกแน่ๆ ที่ร้านขายของที่ระลึกของที่นี่ก็เลยมีกล่องเพลงน่ารักๆ เพีย.ย..ย..บเลยค่ะ จะเอาแบบไหนก็มีหมด หรือจะเลือกเพลง เลือกกล่องเองก็ได้นะคะ มีเจ้าหน้าที่พร้อมประกอบให้ค่ะ (รับบัตรเครดิตด้วย ^^v) สำหรับเล็กเอง ด้วยความที่ต้องมนต์เพลงโตโตโร่มาตั้งแต่สถานี Cable Car แล้ว ก็ต้องสอยเพลงนี้แหละค่ะ :D

เล็ก คุณก๊อก และน้องภูมิ ชอบและประทับใจที่นี่มากๆ ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวที่โกเบ ลองหาเวลาแวะไปนะคะ ถ้าไปตอนช่วงที่ไม่หนาวมาก ในบริเวณของพิพิธภัณฑ์ยังสวนดอกไม้กลางแจ้งให้เดินชมด้วยค่ะ ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ก็เชื้อเชิญเราให้ไปชมนะคะ แต่เเราสู้ความหนาวไม่ไหวจริงๆ ไม่ได้เตรียมตัวมาเลยต้องขอตัว :D

โพสนี้คงจะเป็นโพสปิดท้ายทริปเที่ยวญี่ปุ่นของเราแล้วนะคะ ความจริงแล้วยังมีเรื่องที่อยากเล่าเกี่ยวกับ เกียวโต โอซาก้า และร้านน่ารักๆ ที่โกเบ อีกเยอะเลยค่ะ แต่คิดว่าถ้ารอมีเวลาแล้วค่อยมาเขียนอีก “ไปญี่ปุ่นกันมั๊ย.ย.. はい!” ของเราอาจจะเป็นมหากาพย์ลากยาวไปอีก 2 เดือนแน่ๆ :P พอแค่นี้ก่อนละกันนะคะ

* เพื่อนๆ แฟนบล็อก ที่แวะเข้ามาอ่านตรงนี้ รบกวนกด like ที่ปุ่ม Like ท้ายบทความ(ข้างล่าง) เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ (ไปเม้นท์ที่ FB เพจกันหมด เดี๋ยวตรงนี้จะเหงานะ ^^ ♥)

ดูภาพจาก Rokko International Musical Box Museum ทั้งหมดได้ที่ Facebook Page ของ BhoomPlay นะคะ :)

* ค่ารถ Cable Car ถ้าซื้อแบบไป-กลับ ผู้ใหญ่คนละ 1000¥ ค่ะ
* ค่าเข้าชม Rokko International Musical Box Museum ผู้ใหญ่คนละ 1000¥ ค่ะ (สามารถใช้คูปองส่วนลดที่แนบอยู่ใน คู่มือบัตรโดยสารรถ Kanzai Thru Pass ได้ค่ะ)
* ค่าใช้จ่ายทั้ง 2 อย่าง เด็กเล็กอย่างน้องภูมิฟรีค่ะ :D

9 thoughts on “ไปญี่ปุ่นกันมั๊ย.ย.. はい! (ตอนที่ 7)

  1. น่าไปจังค่ะ ถ้าคุณเล็กคุณก๊อกเตรียมตัวไปรับสภาพอากาศ ท่าทางจะมีรูปมากมายกว่านี้แน่เลย
    ขำรูปน้องภูมิเกาะกระป๋องชีส ท่าจะชอบชีสมากเลย

  2. ถ้ารู้ก่อนจะใช้ net อย่างประหยัด ….

    1. โถ…ไม่ใช่อย่างนั้นเลยพี่ตุ่ม
      ที่พี่ตุ่มเหลือให้ใช้นั้น ถ้าใช้แบบวางแผนให้ดีอีกนิดก็น่าจะพอ
      เล็กเองแหละค่ะที่ควรใช้อย่างประหยัด Y.Y

  3. อ่านจนครบทุกตอนเหมือนได้รับบรรยากาศที่ญี่ปุ่นด้วยเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับการแชร์ประสบการณ์นะคะ ได้ไอเดียจัดทริปมากๆ เลยค่ะ

    1. ยินดีมากๆ ครับ ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น เก็บเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ : )

Leave a reply to tepkanya Cancel reply